‘ผู้ส่งออกข้าว’เผยตลาดส่งออกยังไม่ฟื้น แนวโน้มราคายังลดต่อเนื่อง

ผู้ส่งออกข้าวไทย เผย ราคาส่งออกล่าสุดปรับตัวลดลงต่อเนื่องในกลุ่มข้าวหอมมะลิ เหตุตลาดโลกยังไม่ตอบรับราคาข้าวไทย แม้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว ด้านนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ราคาส่งออกข้าว (FOB) สัปดาห์นี้ ณ 12 พ.ค. 2564 ราคาปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหลายรายการ โดยเฉพาะกลุ่มข้าวพรีเมี่ยม สาเหตุสำคัญมาจากตลาดไม่ตอบรับราคาข้าวไทยที่ยังทรงตัวสูง แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในตลาดหลักๆ เช่น สหรัฐ และจีน จะฟื้นตัว ขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยที่ตลาดสต็อกข้าวไว้ก่อนหน้านี้เพื่อจำหน่ายช่วงการระบาดโควิด-19 ที่ปริมาณข้าวยังเหลืออยู่ในตลาดทำให้ความต้องการไม่เพิ่มขึ้น ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/937860

ค้าชายแดนแม่สอดพุ่ง พ่อค้าเมียนมาตุนสินค้ายอดทะลุ 6 พันล้าน

ส่งออกเดือนเมษายนด่านแม่สอดทะลุ 6 พันล้าน เหตุผู้ประกอบการเมียนมาสั่งนำเข้าสินค้าทุกประเภทไปตุน หลังรัฐบาลออกคำสั่งระงับสินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม 5 รายการ คือ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง, เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาแฟและชา, กาแฟสำเร็จรูป, นมข้นหวาน และนมข้นจืด หวั่นรัฐบาลเมียนมาออกประกาศห้ามนำเข้าสินค้าประเภทอื่น ส่งผลให้มูลค่าสินค้าส่งออกด่านแม่สอดช่วงเดือนเมษายน มีมูลค่ากว่า 6,180.427 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับช่วงเดือนมีนาคม มียอดส่งออกเพิ่มขึ้นกว่า 615.912 ล้านบาท เผยเหตุรัฐบาลทหารเมียนมาเบรกส่งสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มทางรถบรรทุกหวังเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ที่มา : https://www.prachachat.net/local-economy/news-666904

พาณิชย์ลุยช่วยชาวสวนระบายขนุน หลังเจอพิษโควิดผลผลิตตกค้าง74ตัน

สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ ฯ เข้าช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกขนุนที่ประสบปัญหาการขายผลผลิตจาการระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถส่งออกได้ และมีผลผลิตตกค้างมากถึง 74 ตัน จึงได้ประสานให้พ่อค้าแม่ค้า โรงงานแปรรูปให้ช่วยซื้อผลผลิตเดือน พ.ค.64 ซึ่งการช่วยเหลือดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายเกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด และนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเข้าช่วยเหลือเกษตรกร ให้มีช่องทางการขายสินค้า โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/843239

“สรรพากร” แจงภาษีมูลค่าเพิ่ม “วัคซีนโควิด” แก้กฎหมายยกเว้นคงไม่ทัน

กรมสรรพากร เผย กรณียกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) สำหรับวัคซีนโควิด ขณะนี้ยังไม่สามารถออกความเห็นได้เพราะเป็นเรื่องนโยบายและมีความยุ่งยาก ต้องแก้ไขกฎหมายซึ่งอาจจะไม่ทันต่อสถานการณ์ โดยสิ่งที่ทำได้คือ การยกเว้นภาษีแวตเหมือนปี 63 สำหรับการนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์และวัคซีน เพื่อการบริจาคเท่านั้น ส่วนการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ในอัตรา 7% ขอชี้แจงแจงว่าการจัดเก็บเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อองค์การเภสัชกรรมนำเข้าวัคซีนก็ต้องเสียภาษีแวตและเมื่อนำไปขายให้โรงพยาบาลเอกชน เอกชนก็จ่ายภาษีแวตเป็นการนำภาษีซื้อลบภาษีขาย เมื่อโรงพยาบาลเอกชนนำมาวัคซีนมาฉีดก็ต้องคิดค่าบริการเก็บภาษีแวตจาก 7% เหมือนสินค้าทั่วไป จึงถือว่าไม่ได้เป็นการจัดเก็บ 2 เด้ง ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/finance/2091690

“ดีป้า”หนุนเอสเอ็มอี-เกษตรกรฝ่าโควิดผ่าน53 โครงการ

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ร้านค้า ตลอดจนเกษตรกร ฟันฝ่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กำลังส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยด่วน โดยส่งเสริมและสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้มาตรฐานจากเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยที่เชื่อถือได้ ต่อเนื่อง หวังช่วยยกระดับขีดความสามารถการดำเนินธุรกิจ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ จำนวน 53 โครงการ จะมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ร้านค้า และเกษตรกรสามารถฟันฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ ได้อย่างมั่นคง และเติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมมุ่งสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ เพื่อความอยู่ดีมีสุขของภาคประชาชน ก่อนเดินหน้าสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลต่อไป ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/843065

ครัวเรือนกำลังซื้อเปราะบาง วอนรัฐอัดมาตรการเพิ่มอีก ที่ออกมาไม่ครอบคลุมเท่าปี 63

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผย การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนเม.ย. ส่งผลกระทบให้ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน ปรับตัวลดลงมากอยู่ที่ 37.0 จาก 40.4 ในเดือนมี.ค. เมื่อพิจารณาดัชนีใน 3 เดือนข้างหน้าพบว่าปรับตัวลดลงอยู่ที่ 39.4 จาก 41.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งมองว่าดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนยังเผชิญกับความเสี่ยงจากตลาดแรงงานยังไม่ฟื้นตัวโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว ดังนั้นกำลังซื้อถูกกระทบอย่างมากจากรายได้ที่ลดลง แม้ภาครัฐจะมีมาตรการช่วยเหลือแต่ขนาดไม่เท่ากับการเยียวยาในรอบก่อน (เม.ย.-พ.ค.63) นอกจากการเร่งจัดหาและฉีดวัคซีนแล้ว ควรมีมาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจเพื่อประคับประคองภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจออกมาเพิ่มเติม ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_2718377

“DITP”มอบนโยบายทูตพาณิชย์ เดินหน้ายุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” สร้างรายได้เข้าประเทศ

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) มอบนโยบายการทำงานให้กับข้าราชการที่จะไปประจำการในต่างประเทศ เน้นเดินหน้ายุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” และนโยบาย 14 ข้อของ “จุรินทร์” พร้อมทำหน้าที่ “เซลส์แมนประเทศ” เพิ่มโอกาสในการส่งออกให้กับสินค้าและบริการของไทย และปรับใช้ช่องทางออนไลน์ในการจัดกิจกรรมสร้างรายได้เข้าประเทศ โดยต้องหาทางเชื่อมโยงโอกาสในการส่งออกให้กับสินค้าและบริการของไทย โดยเฉพาะอาหาร สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการทำงานที่บ้าน สินค้าเพื่อสุขอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ สินค้าที่เป็นเทรนด์ของโลก BCG Economy และสินค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น สุขภาพ สัตว์เลี้ยง ผู้สูงวัย แม่และเด็ก ที่มา : […]

เงินบาทเปิด 31.31 ต่อดอลลาร์อ่อนค่าจากวานนี้หลังดอลล์แข็งรับเงินเฟ้อพุ่งหนุนเฟดขึ้นดบ.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.31 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.19 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก หลังตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐออกมาสูงเกินกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ CPI ที่พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ จะทำให้เฟดชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/86645

หุ้นไทยปิดเช้าดิ่ง 15.04 จุด วอลุ่ม 5.2 หมื่นล้าน ตามตลาดภูมิภาค กังวลเงินเฟ้อมะกันสูง-คนติดโควิดพุ่ง

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ติดลบ จากความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯออกมาสูงมากกว่าคาด ทำให้วิตกธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดการใช้วงเงิน QE ลงเร็วกว่าคาด ทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวน นักลงทุนเกิดความกังวลจึงขายปรับลดพอร์ตลงทุนก่อน เพราะปริมาณเงินลงทุนในระบบมีโอกาสลดลงสำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ได้แก่ CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,563.89 ล้านบาท ปิดที่ 58.50 บาท ลดลง 2.25 บาท,TIDLOR มูลค่าการซื้อขาย 2,407.79 ล้านบาท […]

“ซอฟต์โลน” ทะลักเขื่อนแตก ลูกหนี้เอสเอ็มอีพักชำระเงินต้นได้

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานความคืบหน้าการปล่อยสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟู (ซอฟต์โลน) โครงการ 2 ที่ได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อได้ง่าย และได้เปิดให้สถาบันการเงินเข้ามาขอรับสินเชื่อเพื่อปล่อยกู้ต่อให้กับเอสเอ็มอีเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งพิจารณาค่าเฉลี่ยของวงเงินที่เอสเอ็มอีได้รับอยู่ที่ 2.1 ล้านบาทต่อราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่เฉลี่ยอยู่ที่ 1.3 ล้านบาทต่อราย โดยเฉพาะภาคการพาณิชย์ อุตสาหกรรมการผลิต และภาคการก่อสร้าง ด้านผู้อำนวยการธนาคารออมสินกล่าวว่าลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถขอพักชำระเงินต้นเป็นการชั่วคราว และชำระเฉพาะดอกเบี้ย ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. ที่มา : https://www.thairath.co.th/business/finance/2090846